ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อสส.เขตดุสิต วอนรัฐบาลใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดควบคุม “ชุมชนแออัด” ต้องหยุดเคลื่อนย้ายประชากรทันที พบ “วัดญวน-คลองลำปัก” ติดเชื้อแล้วกว่า 30 ราย หวั่นแพร่ต่อให้อีกหลายชุมชนที่อยู่ติดกัน


นางพรนภา ตั้งจิตเพิ่มความดี อาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร (อสส.) เขตดุสิต เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า ชุมชนแออัดในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกันหลายชุมชน มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก เฉพาะชุมชนวัดญวน-คลองลำปัก เพียงชุมชนเดียว พบผู้ติดเชื้อแล้วไม่ต่ำกว่า 30 รายแล้ว

“เราส่งตรวจปุ๊บก็เจอคนติดเชื้อตลอด ทางโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ก็เลยเข้ามาช่วยตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงจำนวน 500 ราย ผลออกมาพบผู้ติดเชื้อกว่า 30 ราย แต่ก็ยังมีกลุ่มเสี่ยงอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ออกมาคัดกรองตามที่เราเรียก นั่นหมายความว่าเขามีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อต่อให้คนในชุมชนแออัดได้อีกเป็นจำนวนมาก” นางพรนภา กล่าว

นางพรนภา กล่าวว่า บริเวณชุมชนแออัดในเขตดุสิตเป็นพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่อกันหลายชุมชน ตั้งแต่ชุมชนวัดญวน-คลองลำปัก ชุมชนวัดโสมฯ ชุมชนหลังบ้านมนังคศิลา ชุมชนริมทางรถไฟ-ป้ายรถเมล์สาย 7 โดยคนที่อาศัยอยู่ในทุกชุมชนก็เคลื่อนย้ายไปมาระหว่างกันตลอด ส่วนตัวคิดว่ามาตรการควบคุมโรคสำหรับชุมชนแออัดต้องเข้มข้นมากกว่าพื้นที่อื่น อาจต้องมีการปิดพื้นที่เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของประชากรอย่างจริงจังและเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้

“แม่ค้าในตลาด แม่ค้าที่เข็นรถไปขายของตามสี่แยกซึ่งเช่าบ้านอยู่ในชุมชน คนกลุ่มนี้เริ่มงานตอนเช้ามืด กลางวันจะอยู่บ้าน ดังนั้นช่วงกลางวันก็จะยิ่งเอื้อให้เกิดการระบาด ขณะที่ในชุมชนก็อยู่กันอย่างแออัดมาก ทางเดินกว้างแค่ 1 เมตร ขนาบด้วยบ้านคนสองข้างทาง ส่วนกลุ่มคนที่ติดยาเสพติดก็มีการจับกลุ่มพูดคุยกัน สักครู่ก็เดินไปรวมตัวกันที่อื่นอีก นั่นหมายความว่า หากมีผู้ติดเชื้อ 1 ราย ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหนก็มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อต่อได้ทั้งนั้น” นางพรนภา กล่าว

นางพรนภา กล่าวว่า ชุมชนคลองเตยซึ่งถือว่ามีความเข้มแข็งและมีพื้นที่กว้าง ยังเกิดการติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งหากมองกลับมายังชุมชนแออัดในเขตดุสิต ซึ่งมีพื้นที่แคบและมีการเชื่อมต่อกันของหลายชุมชนเป็นทางยาว หากรัฐไม่ควบคุม มีโอกาสติดเชื้อจำนวนมากอย่างแน่นอน

นางพรนภา ย้ำว่า ปัญหาสำคัญของชุมชนแออัดคือ 1. ประชากรหนาแน่นเอื้อให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว 2. ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับมาตรการควบคุมโรคของรัฐ ยังพบการเคลื่อนย้ายไปมาตลอดเวลา-ทั้งวัน บางคนที่ยังไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ดังนั้นรัฐจำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อให้ประชาชนร่วมมือ และต้องหยุดการเคลื่อนที่ของประชากรโดยทันที

“ขอย้ำว่า อสส.ทุกคน พยาบาลทุกคน ทำงานกันอย่างหนักมาก แต่มีข่าวออกมาว่าพวกเราไม่ทำงานจนปล่อยให้เกิดการระบาด เราก็หมดกำลังใจจริงๆ อยากเรียนว่าเราทำงานกันชนิดหามรุ่งหามค่ำ แต่ละวันทำงานเกินเที่ยงคืน ทำกันแบบไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว สงกรานต์ก็ไม่ได้หยุด ทำกันจนมี อสส.ติดไปแล้วคนหนึ่ง แล้วก็ติดเชื้อกันไปทั้งบ้านหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันการระบาดที่เพิ่มขึ้น” นางพรนภา กล่าว