ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"นพ.ศักดิ์ชัย" หนุนเดินหน้ายกระดับ "กองทุนบัตรทอง" ต่อยอดการเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก "สงเคราะห์" สู่ "สิทธิ" ย้ำบทบาททุกภาคส่วนเพิ่มคุณภาพมาตรฐานบริการ-สร้างความเท่าเทียม


นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยในการประชุมคณะอนุกรรมการระดับเขตพื้นที่ พบเลขาธิการ สปสช. เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ตอนหนึ่งว่า ในฐานะเลขาธิการฯ ซึ่งจะครบ 4 ปีแล้ว มองว่าความเปลี่ยนแปลงของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งขาติ (บัตรทอง) คือการเปลี่ยนแปลงมุมมองระบบจากสงเคราะห์เป็นสิทธิ ซึ่งการสงเคราะห์และสิทธินั้นมีความแตกต่างกัน

ทั้งนี้ การสงเคราะห์คือการดูแลขั้นต่ำให้พออยู่ได้ แต่สิทธิคือการให้ได้สิ่งดีที่สุดตามมาตรฐานคุณภาพและต้องมีความเท่าเทียม ดังนั้นสิทธิจึงเป็นหัวใจสำคัญของระบบบัตรทอง โดยในส่วนของสิทธิความครอบคลุมโรคและความเจ็บป่วย ที่ได้จากการรับฟังความเห็นส่วนต่างๆ ทำให้สิทธิประโยชน์ประเภทและขอบเขตบริการมีความครอบคลุมมากขึ้น จนปัจจุบันได้ดูแลจนถึงโรคหายากแล้ว 

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า นอกจากเรื่องของสิทธิแล้ว ยังเป็นการทำอย่างไรให้ประชาชนพอใจเวลาเข้ารับบริการ ฉะนั้นการยกระดับบริการซึ่งเป็นนโยบายของ รมว.สาธารณสุข จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องมองและช่วยกันคิดต่อไป โดยต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เช่น การลดความแออัดในโรงพยาบาล การส่งยาทางไปรษณีย์ ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน รวมถึงบริการเจาะเลือดใกล้บ้านที่นำร่องในพื้นที่ กทม. เป็นต้น

"เกือบ 20 ปีของการดำเนินงานระบบบัตรทอง ได้รับความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฝั่งผู้ให้บริการ จากเดิมที่มีระดับความพึงพอใจไม่มาก แต่ภายหลังมีคะแนนความพึงพอใจต่อระบบเพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่อยากฝากไว้ในอนาคต คือการดูแลสังคมผู้สูงอายุที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงมาก การจัดการโดยหน่วยงานเดียวคงไม่เพียงพอ จึงต้องดึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย และการลดความเหลื่อมล้ำในระบบ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มเปราะบางและด้อยโอกาส" เลขาธิการ สปสช. กล่าว

นอกจากนี้ บทบาทการทำงานของคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) และคณะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขระดับเขตพื้นที่ (อคม.) ทั้ง 13 เขตพื้นที่ทั่วประเทศ จะช่วยดูแลทั้งในด้านการเข้าถึงสิทธิและความครอบคลุม การกำกับคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยในบริการ รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ที่จะช่วยผลักดันการยกระดับระบบบัตรทองจากนี้

"การประชุมครังนี้จึงเป็นเวทีสำคัญ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจาก อปสข. และ อคม. อันเป็นกลไกสำคัญของการทำงานพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ระบบบัตรทองเดินไปข้างหน้า โดยความเห็นทั้งหมดที่ สปสช.ได้รับ จะถูกรวบรวมเพื่อนำไปพัฒนาระบบและปรับปรุงการทำงานต่อไป ทั้งใน 2 ส่วน คือตัวระบบบัตรทองที่ปัจจุบันได้ฝั่งแน่นเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพแล้ว กับอีกส่วนคือองค์กรที่จะขับเคลื่อน คือ สปสช. ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการและคณะทำงานชุดต่างๆ ทั้งส่วนกลาง พื้นที่ รวมถึง อปสข. และ อคม. ในการทำงานร่วมกัน" นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการ สปสช. และว่าที่เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า นอกจากการเดินหน้าระบบบัตรทองต่อตามแผนปฏิรูปประเทศแล้ว ยังต้องขับเคลื่อนระบบต่อใน 5 ประเด็นความท้าทายจากนี้ คือ 1. การเข้าถึงบริการของประชาชน ทั้งกรณีของกลุ่มเปราะบางที่ยังตกหล่นและมีข้อจำกัดการใช้สิทธิ กลุ่มคนชั้นกลางที่ยังไม่เชื่อมั่นระบบ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและภาวะพึ่งพิง และดูแลประชากรให้เข้าถึงบริการสำคัญที่ยังเข้าถึงได้น้อย เช่น บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นต้น

2. ระบบบริการ โดยเพิ่มเติมบริการใหม่ๆ ที่สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ สิทธิประโยชน์ยารักษาและบริการใหม่ ระบบการแพทย์ดิจิทัล และการจัดหน่วยบริการแบบใหม่ที่หลากหลายเพื่อบริการประชาชน 3. บริหารจัดการองค์กร โดยปรับโครงสร้างและกลไกภายในให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอกองค์กร จัดระบบการตรวจสอบเบิกจ่ายรวดเร็วที่ต้องถูกต้องและทันเวลา การทำงานร่วมกับคณะกรรมการชุดต่างๆ ด้วยกลไกอภิบาล สร้างความร่วมมือและไว้เนื้อเชื่อใจ เป็นต้น

4. การเงินการคลัง การจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ จัดหาแหล่งงบประมาณอื่น พัฒนารูปแบบการจ่ายชดเชยที่ลดความเสี่ยงของหน่วยบริการและการควบคุมต้นทุน 5.ขยายสร้างการมีส่วนร่วม หน่วยบริการ องค์กรวิชาชีพ ประชาชน เครือข่ายผู้ป่วย รัฐบาล หน่วยงานภาคี และนักวิชาการ