ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้ป่วยไตวายเผยความมั่นใจหลังเข้ารับรักษาไตวายสิทธิ 30 บาท ระบุวิธีล้างหน้าท้องช่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้น ทำให้กลับมามีรายได้ช่วยครอบครัว ช่วยตัวเอง และยังมีเงินเสียภาษีให้รัฐบาล หลังหวิดล้มละลายจากการฟอกเลือด

น.ส.อินทิรา ไตรพิบูลย์สุข ประธานชมรมคนต่อสู้โรค SLE เปิดเผยว่า ได้เริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการใช้สิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรคเพื่อรักษาอาการไตวาย เนื่องจากอาการป่วยที่ทรุดลงจนไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ขาดรายได้และไม่มีเงินพอที่จะไปรักษาตัว โดยอาการมีจุดเริ่มต้นจากที่ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคพุ่มพวง ซึ่งภายหลังทำการรักษามาอย่างต่อเนื่อง โรคกลับกำเริบขึ้นและมีภาวะไตอักเสบ ก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นไตวายในที่สุด

น.ส.อินทิรา กล่าวว่า ภายหลังจากที่หมอแจ้งว่าจะต้องมีการบำบัดด้วยการฟอกเลือด หรือการล้างหน้าท้อง ในขณะนั้นได้เลือกที่จะให้หมอทำการฟอกเลือด เนื่องจากกลัวว่าหากล้างหน้าท้องแล้วจะใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ ไม่สามารถไปไหนได้ และต้องอยู่แต่ในบ้าน นั่นเพราะการล้างหน้าท้องจะต้องทำทุกๆ 4-6 ชั่วโมง รวม 4-5 ครั้งต่อวัน ต่างจากการฟอกเลือดที่ทำเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ดังนั้นจึงได้ให้หมอทำการเจาะหน้าอกและฟอกเลือดเป็นเวลาประมาณ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม เมื่อการรักษาโดยใช้สิทธิ 30 บาทนั้นจะต้องรักษาผ่านกระบวนการล้างหน้าท้องเท่านั้น หรือหากล้างไม่ได้จะต้องเป็นการวินิจฉัยจากแพทย์ เพื่อที่จะเข้ากระบวนการฟอกเลือดโดยใช้สิทธิ 30 บาทได้ แต่เมื่อไม่มีการวินิจฉัยเท่ากับว่าการฟอกเลือดจะไม่สามารถใช้สิทธิ 30 บาทได้ เธอจึงต้องจ่ายเอง ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายอยู่ที่ครั้งละ 1,500 บาท หรือตกราวเดือนละ 12,000 บาท ดังนั้นหลังผ่านการฟอกเลือดไปแล้วเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยที่มีรายได้ไม่มากเพราะต้องนอนรักษาตัวในแต่ละวัน สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจคุยกับหมอเพื่อขอรับการล้างหน้าท้องแทน

“คิดว่าถ้ายังตัดสินใจฟอกเลือดอยู่ด้วยความกลัว จะกลายเป็นเราไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อไปได้เพราะเราไม่มีเงิน เราอาจจะไม่ได้ตายเพราะโรคไต แต่อาจตายเพราะล้มละลายแทน เลยคุยให้หมอดำเนินการล้างหน้าท้องให้ แต่พอเปลี่ยนเป็นล้างหน้าท้องมาแล้ว กลับกลายเป็นว่าเราแฮปปี้กับมันมาก เพราะมีความรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก สามารถไปไปไหนก็ได้ ชีวิตเราจะทำอะไรก็ได้ และยังกินอะไรได้อิสระกว่าตอนฟอกเลือด” น.ส.อินทิรา กล่าว

น.ส.อินทิรา กล่าวว่า เมื่อการล้างหน้าท้องนั้นสามารถทำเองที่ใดก็ได้ สามารถล้างในรถก็ได้ รวมถึงป้องกันเรื่องความสะอาดได้ ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิต ดังนั้นเมื่อไม่ต้องอยู่กับบ้าน สามารถไปทำงานได้ จึงมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากกว่าการฟอกเลือด และยังทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วย เมื่อสุขภาพดีขึ้น โรค SLE ที่มีอยู่ก็สงบ ร่างกายหายโทรม ทำให้กลับมามีรายได้ช่วยครอบครัว ช่วยตัวเอง และยังมีเงินเสียภาษีให้รัฐบาลเพื่อนำกลับมาช่วยประชาชนอื่นๆ ต่อไปได้อีก

น.ส.อินทิรา กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านั้นที่ได้มีการใช้สิทธิ 30 บาทขณะรักษาโรค SLE ส่วนตัวยังไม่เห็นผลหรือรู้สึกอินกับสิทธิของการรักษา 30 บาทเท่าไรนัก เพราะรู้สึกว่ายังได้รับเพียงการรักษาพื้นๆ กินยาพื้นๆ เท่านั้น แต่เมื่อมีประสบการณ์แล้วจึงอยากถ่ายทอดแก่ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิ 30 บาทและต้องล้างหน้าท้อง เพื่อให้ทราบว่าสามารถมั่นใจในกระบวนการรักษาและสิทธิการรักษาที่มี ไม่ควรกลัวการล้างหน้าท้อง เพราะสุดท้ายเมื่อไม่มีรายได้จะทำให้ยิ่งแย่กับการดิ้นรนเพื่อที่จะฟอกเลือดแทน

“ทุกวันนี้ใช้สิทธิ 30 บาทอย่างเดียว และรู้สึกว่าสิทธินี้ช่วยได้เยอะมาก เลยมีความรู้สึกว่าในเมื่อประเทศช่วยเรา รัฐบาลช่วยเรา ก็อยากจะใช้ตัวเราให้เป็นประโยชน์ในการที่จะช่วยกับทาง สปสช. ช่วยกับประชาชนที่เขาเข้าไม่ถึงสิทธิ ไปอธิบาย หรือไปเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่กำลังเริ่มป่วย หรือที่กำลังตัดสินใจว่าจะล้างหน้าท้อง แล้วเกิดความกลัว ไม่กล้า” น.ส.อินทิรา กล่าว