ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สว.สุรชัย เผยช่วงหนึ่งของการประชุมสภาในการแถลงนโยบายของ ครม. ใหม่ถึง ‘ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน-ระบบกู้ชีพฉุกเฉิน’ หลังช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทำคนไทยตายก่อนวัยอันควร สูญเสีย GDP กว่า 7.7 ล้านล้านบาท


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้กล่าวในช่วงหนึ่งของการประชุมสภาในการแถลงนโยบายรัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 ว่า จากคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้มีการระบุว่ารัฐบาลจะไม่ละเลยเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ (UN) โดยจะมุ่งลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน อาทิ ความปลอดภัยทางถนน การลดอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชาชน

สำหรับการลดอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชาชนนั้น สิ่งที่ควรคำนึงถึงมีอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ 1. การสร้างเสริมสุขภาพ และ 2. ระบบกู้ชีพที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในประเด็นที่หลังนี้ เนื่องจากหากดูตัวเลขย้อนหลังของสถานการณ์ระบบการแพทย์ฉุกเฉินระหว่างปี 2555-2565 จะพบว่ามีสถิติที่ประชาชนขอความช่วยเหลือผ่านระบบกู้ชีพฉุกเฉินของประเทศไทยภายใต้ 2 หน่วยงานสำคัญแห่ง คือ ศูนย์เอราวัณ และศูนย์นเรนทร โดยใช้การโทร.1669 ในปี 2564 มีมากกว่า 5.8 ล้านครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีเหตุที่ถึงเกณฑ์ฉุกเฉินตามมาตรฐานทางการแพทย์ ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ซึ่งหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด 1.8 ล้านครั้งต่อปี โดยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (2555) มีการปฏิบัติหน้าที่ได้ประสบความสำเร็จได้ 47.69% ขณะที่อีก 10 ปีต่อมา (2565) ขีดความสามารถในการปฏิบัติการกลับอยู่ที่ 32.3% เหล่านี้ส่งผลให้ประชาชนที่มีการเจ็บป่วยฉุกเฉินต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ก่อนที่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉินจะไปถึง ณ จุดเกิดเหตุถึง 24.9% นี่คือปัญหาแรกที่อยากให้ ครม. ชุดนี้พิจารณา

นายสุรชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนอีกสถานการณ์ที่อยากจะฝาก คือ สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน โดยถ้าดูตัวเลขผู้เสียชีวิตในประเทศไทยในปี 2554-2566 จะพบว่า ในช่วงปี 2554 อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ที่ 2 หมื่นคน ขณะที่ในปี 2563 มีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 17,831 คน และค่าเฉลี่ย 10 ปียังคงอยู่ที่ 2 หมื่นคน โดยเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

“ที่ต้องใช้ตัวเลขเริ่มต้นจากปี 2554 นั้น เพราะในปี 2553 ครม. ในสมัยนั้น มีมติให้ประเทศไทยต้องเข้าสู่ทศวรรษแห่งความปลอดภัยรอบที่ 1 (2554-2563) ตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องการให้ทุกประเทศสมาชิกลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงให้ได้ครึ่งหนึ่ง” นายสุรชัย ระบุ

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า โดยสรุปทศวรรษแห่งความปลอดภัยรอบที่ 1 ของไทยไม่ประสบความสำเร็จ จึงเป็นที่มาของการที่ต้องกำหนดทศวรรษแห่งความปลอดภัยรอบที่ 2 โดย WHO ซึ่งจะเริ่มที่ 2564 ไปสิ้นสุดที่ปี 2573 สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทยกำหนดไว้ว่า 2570 จะต้องลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนนให้ลงเหลือไม่เกิน 12 ต่อแสนประชากร

อย่างไรก็ดี ในปี 2566 นี้ ปรากฏว่า สถิติใน 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 8,858 คน ซึ่งสูงกว่าปี 2565 ถึง 35 ราย โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 26 ต่อแสนประชากร นั่นหมายความว่าถ้าจะไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติในอีก 4 ปี ข้างหน้า ไทยจะต้องทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตต่ำกว่าปีปัจจุบันครึ่งหนึ่ง นี่คือภารกิจที่อยากเรียนให้ ครม. รับทราบและกำหนดเป็นนโยบาย

มากไปกว่านั้น หากดูตัวเลขตั้งแต่ปี 2554-2566 จะพบว่าคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนไปแล้ว 240,924 คน ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นคนช่วงวัย 19-60 ปี หรือคนช่วงวัยทำงาน จึงส่งผลต่อให้เศรษฐกิจของไทยอย่างมาก โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เคยทำคำนวณไว้ในปี 2562 ว่า ความสูญเสียทางเศรษฐกิจเมื่อคิดเป็นมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ถึง 6.4 แสนล้านต่อปี ซึ่งถ้าคูณ 12 ปีจะเท่ากับว่า 7.7 ล้านล้านบาท

นายสุรชัย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประชาชนเท่านั้น แต่ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มักจะเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ในปี 2565 กลับมีสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในไทยถึง 7,026 คน ซึ่งไทยต้องเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายเฉลี่ยคนละ 1 ล้านบาท เท่ากับว่ามีการเสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 7,000 พันล้านบาท

“นี่คือปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยขาดการเอาใจใส่ดูแล และรัฐบาลชุดนี้ก็เขียนเป็นประโยคเดียวอยู่ในคำแถลงนโยบาย ซึ่งทั้งหมดคือสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ปัญหาที่ต้องตายก่อนวัยอันควรของประชาชน ฝากกระทรวงสำคัญ 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ มหาดไทย คมนาคม และสาธารณสุข ช่วยดูแลเรื่องนี้ รวมถึงอีก 2 กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ศึกษาธิการ และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน” นายสุรชัย กล่าว