ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ถ้าย้อนไปเมื่อ10 ปีก่อนหากพูดถึงโรงเรียนผู้สูงอายุ หลายคนคงตั้งคำถามว่า จะเอาคนแก่ไปเรียนหนังสือกันอีกทำไม แต่ความจริงแล้วโรงเรียนผู้สูงอายุนี้ คือสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้มีกิจกรรมร่วมกัน ได้พูดคุยสนุกสนาน คลายเหงา ได้เจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน  ไม่ต้องกังวลว่า ภาวะซึมเศร้าจะเกิดกับผู้สูงวัยที่มาโรงเรียนผู้สูงอายุ

นางเนตร ธรรมขันธ์ ประธานชมรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ตำบลหนองหลวง อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย เล่าให้ฟังว่า โรงเรียนแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากกองทุนสุขภาพตำบล และงบประมาณจาก สปสช. ที่โรงเรียนผู้สูงอายุแห่งนี้มีความแตกต่างจากโรงเรียนผู้สูงอายุที่อื่นๆคือ เราให้ผู้สูงอายุได้กลับมาใส่ชุดนักเรียนกันอีกครั้ง ซึ่งคนภายนอกอาจจะมองว่า เป็นการสร้างภาระให้กับผู้สูงอายหรือไม่ในการจัดหาชุดนักเรียนมา ซึ่งตรงนี้เราขอบอกว่า เราไม่บังคับให้ซื้อชุดนักเรียนใหม่ ผู้สูงอายุสามารถหยิบยืมชุดนักเรียนของลูกหลานมาใส่ได้ แต่สำหรับบางคนที่มีฐานะเขาก็ซื้อชุดนักเรียนมาเป็นของตนเองก็ได้

ถามว่า ทำไมต้องใส่ชุดนักเรียน ประธานชมรมโรงเรียนผู้สูงอายุ ตำบลหนองหลวง บอกว่า เป็นการลดช่องว่างระหว่างเด็กกับผู้สูงอายุ เมื่อผู้สูงอายุสวมใส่ชุดนักเรียนจะให้ความรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และลดช่องว่างของการเข้าร่วมชั้นเรียน ที่บางครั้งครูที่มาสอนอายุน้อยกว่า ผู้สูงอายุบางท่านจะมีอีโก้ แต่เมื่อมาสวมชุดนักเรียนเหมือนกันหมดแล้ว ทุกคนต้องเชื่อฟังครูที่มาสอน

นางเนตร เล่าว่า โรงเรียนผู้สูงอายุที่นี่จะรับนักเรียนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะเข้าเรียนอาทิตย์ละ 1 วัน กิจกรรมที่ทำตอนเช้าก่อนเข้าเรียน เข้าแถวเคารพธงชาติ สวดมนต์ไหว้พระ กิจกรรมช่วงเช้ามีการร้องรำทำเพลง ออกกำลังกาย เพื่อให้ผู้สูงอายุยืดเส้นยืดสาย บางท่านมีความสามารถด้านการร้องเพลงโบราณ ก็จะให้มาสอนเพื่อนๆในวัยเดียวกัน ซึ่งเท่ากับเป็นการอนุรักษ์ความรู้เก่าๆ ให้คงอยู่ต่อไป ส่วนในภาคบ่ายจะเป็นการเรียนรู้วิชาชีพที่ผู้สูงอายุอยากเรียน เช่น การทำขนม เบเกอรี่ อาหาร ทำสวน ซึ่งทุกคนสามารถเลือกเรียนได้ตามที่ต้องการ ส่วนทางโรงเรียนจะมีหน้าที่จัดหาวิทยากรมาให้ บางครั้งก็เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุด้วยกันเองถ่ายทอดความรู้ที่ตนเองมีอยู่ให้กับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน หลังจากนั้นพอเวลา 15.00 น.ก็จะเลิกเรียน แยกย้ายกันกลับบ้าน บางคนลูกหลานมารับ บางคนก็กลับกันเอง

ผลที่ได้คือ ผู้สูงอายุมีความสุขมากขึ้น จากเมื่อก่อนต้องอยู่บ้านคนเดียว มีหน้าที่เลี้ยงหลาน ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพจิตที่ไม่ดี บางคนมีภาวะซึมเศร้า แต่เมื่อได้มาเข้าโรงเรียนผู้สูงอายุแล้ว ผู้สูงอายุดูมีความสุขมากขึ้น เพราะได้คุยกับเพื่อนวัยเดียวกัน  มีกิจกรรมทำมากขึ้น บางคนนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตนเอง ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุเหล่านี้รู้สึกว่าตนเองไม่ไร้ค่า เมื่อสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็ดีตามไปด้วย

“ผู้สูงอายุบางคนที่ต้องกินยาเป็นประจำ บางครั้งจะลืมกินยา แต่เมื่อมาเข้าเรียนกลับกินยาตรงตามเวลามากขึ้น ซึ่งตนรู้มาว่า มีเพื่อนๆ ที่เป็นโรคเดียวกันช่วยกันเตือนเมื่อถึงเวลากินยา ทำให้ผู้สูงอายุที่ต้องกินยาเป็นประจำมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกินยาตรงตามที่แพทย์สั่ง นอกจากนี้ยังพบว่าลูกหลานยินดีที่จะให้ผู้สูงอายุในบ้านตนเองมาเข้าโรงเรียนผู้สูงอายุ เพราะเขาเห็นตัวอย่างจากผู้สูงอายุข้างบ้านเมื่อได้ไปโรงเรียนกลับมาแล้วอารมณ์ดี มีความสุข ไม่หงุดหงิดกับลูกหลาน โรงเรียนแห่งนี้จึงเป็นเหมือนสภากาแฟที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้มีพื้นที่มาพบปะสังสรรค์กันเป็นประจำ”

นางเนตร กล่าวว่า ทั้งหมดที่โรงเรียนผู้สูงอายุ ตำบลหนองหลวงประสบความสำเร็จได้ต้องยกให้ผู้นำท้องถิ่น และ สปสช.ที่เห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ เพราะถ้าท้องถิ่นและ สปสช.ไม่เข้ามาสนับสนุนแล้ว โรงเรียนผู้สูงอายุแห่งนี้คงไม่สามารถอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้