ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผมมีอาการไอเรื้อรังมาประมาณ 2-3 สัปดาห์ซึ่งแม้จะเป็นธรรมดาที่อาการภูมิแพ้จะกำเริบในช่วงนี้  แต่ผมก็ไม่สบายใจเลยเพราะอาการของผมไปพ้องกับอาการเด่นของ COVID-19 ด้วย

ระบบภูมิคุ้มกันของผมไม่ค่อยจะแข็งแรงนักอันเป็นผลจากยาที่ได้รับหลังเปลี่ยนไต  ผมรู้ดีว่าผมจะมีความเสี่ยงสูงหากติดเชื้อเข้าจริงๆ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจหาคำตอบว่าควรไปตรวจหรือไม่

ผมโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์บริการตรวจโรคที่ค้นเจอเป็นอันดับแรกซึ่งก็กลายเป็นสถานบริการที่อยู่นอกกรมธรรม์ของผม   เจ้าหน้าที่ทุกคนที่คุยกับผมล้วนเป็นมืออาชีพและช่วยเหลือผมอย่างสุดความสามารถทว่าการต่อสายภายในอาจซับซ้อนเกินไปจนสายหลุด   บุคลากรทางการแพทย์โทรกลับมาหาผมในหลายชั่วโมงต่อมาเพื่อสรุปให้ผมเข้าใจว่าอาการไอเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สัญญาณอันตรายและผมไม่จำเป็นต้องตรวจการติดเชื้อในขณะนี้   การพูดคุยจบลงเร็วมากกระทั่งผมไม่ทันบอกปลายสายว่าผมเปลี่ยนไตมา

อาการไอของผมดีขึ้นเล็กน้อย  แต่หมอประจำตัวแนะนำผมทางโทรศัพท์ให้โทรไปแจ้งหมอหากอาการไอรุนแรงขึ้นเพื่อที่จะส่งผมไปตรวจการติดเชื้อ    สิ่งที่เกิดทำให้ผมตระหนักว่าแม้สุขภาพของผมทำให้ผมมีความเสี่ยงสูงขึ้นในท่ามกลางวิกฤติการระบาด  แต่ประกันสุขภาพที่ผมถือมาตลอดสิบปีทำให้ผมได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและมีสัมพันธ์เหนียวแน่นกับหมอประจำตัวและหมอเฉพาะทางอีกหลายคน

 แต่อีกด้านหนึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้ผมหดหู่เมื่อคิดถึงคนอีกหลายล้านซึ่งเผชิญกับวิกฤติโดยไร้ที่พึ่งเพราะไม่มีประกันสุขภาพ

ด้วยขั้นตอนบริการรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนแล้วไหนยังต้องรักษากับหมอที่ไม่เคยเห็นหน้าคาตากันมาก่อนทำให้ชาวอเมริกันที่ไม่มีประกันสุขภาพไม่ได้รับการรักษา COVID-19 หรือไม่ก็ต้องจ่ายค่ารักษาหลายหมื่นดอลลาร์   และถึงแม้ผู้ป่วยรับภาระค่ารักษาเองแล้วก็ตามแต่ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลกลางต้องสมทบให้โรงพยาบาลก็อาจสูงถึงร้อยละ 40 ของงบ 100,000 ล้านดอลลาร์ที่สภาคองเกรสอนุมัติให้สำหรับการรักษา COVID-19

วิกฤติครั้งนี้ทำให้เห็นชัดแจ้งว่าหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำคัญต่อสหรัฐอเมริกามากเพียงใด   แต่เมื่อมองไปที่ฟากรัฐบาลสหรัฐกลับเห็นความพยายามทางการเมืองที่จะไม่เปิดลงทะเบียนสวัสดิการ Affordable Care Act เป็นกรณีพิเศษ  และการที่รัฐบาลพยายามทำให้สวัสดิการนี้ตายไปก็ทำให้สัดส่วนชาวอเมริกันที่ไม่มีประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อไม่กี่ปีก่อน

รัฐยูทาห์โชคดีที่ผู้มีสิทธิออกเสียงเห็นพ้องให้ขยายสวัสดิการ Medicaid อย่างเต็มที่  ส่วนฝ่ายบริหารก็ไฟเขียวให้เว้นการตรวจสอบเอกสารคุณสมบัติไว้ชั่วคราวในระหว่างวิกฤติการระบาด

อย่างไรก็ดีชาวรัฐยูทาห์จำนวนมากยังคงไม่มีประกันสุขภาพ  และผู้มีอำนาจเองก็ปฏิเสธที่จะยับยั้งกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อทำลายสวัสดิการ Affordable Care Act ซึ่งอาจทำให้มีชาวอเมริกันที่ขาดประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคน   การพยายามระงับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (โดยปราศจากแผนรองรับ) ถือเป็นเรื่องโหดร้ายและโฉดเขลาโดยเฉพาะในห้วงเวลานี้ซึ่งชาวอเมริกันต้องการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างยิ่ง

มีหลายเส้นทางที่จะนำเราไปสู่หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อที่จะเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่จำเป็นในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด  และก้าวแรกแรกก็อยู่ที่การทำให้แน่ใจได้ว่าเรามีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไว้รองรับในยามจำเป็น

พอล กิบส์ (ผู้เขียน) เป็นนักสร้างหนังอิสระ  นักเคลื่อนไหวด้านสุขภาพ  และพ่อลูกสองซึ่งขณะนี้กำลังพยายามกักตัวเองเพื่อให้ปลอดภัยจาก COVID-19

แปลจาก Paul Gibbs: COVID-19 shows how universal health care is necessary (www.sltrib.com)