ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สสจ.บุรีรัมย์ แจงกฎเหล็กให้อำนาจเจ้าหน้าที่สั่งกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนโควิด-19 จะต้องเป็นผู้ที่ประเมินแล้วมีความเสี่ยงแพร่เชื้อเท่านั้น


นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ (สสจ.บุรีรัมย์) เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2564 ให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการสั่งให้กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ใน จ.บุรีรัมย์ เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้

นพ.พิเชษฐ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวได้กำหนดให้ผู้ที่อยู่ใน จ.บุรีรัมย์ ต้องทำแบบประเมินความเสี่ยง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะมาประเมินความเสี่ยงเป็นรายบุคคลอีกครั้ง หากพบว่าบุคคลนั้นมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อ เจ้าพนักงานควบคุมโรคจึงจะสั่งให้มีการฉีดวัคซีน แต่ถ้าประเมินแล้วไม่มีความเสี่ยง หรือมีข้อห้ามก็ไม่ต้องฉีด

“คำสั่งนี้มุ่งเน้นที่จะให้คนในจังหวัดลงทะเบียนแบบประเมินความเสี่ยงโรคติดต่อ โดยมีเป้าหมายหลักคือการจัดกลุ่มบริการวัคซีน” นพ.พิเชษฐ กล่าว

นพ.พิเชษฐ กล่าวว่า ในการลงทะเบียนเพื่อประเมินความเสี่ยงนั้น เป็นการให้ข้อมูลเพื่อจัดกลุ่มบริการ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ที่กรรมการโรคติดต่อจังหวัดสามารถเรียกข้อมูลได้ ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนจะต้องระบุว่าจะรับวัคซีนหรือไม่ และมีระดับความเสี่ยงเป็นอย่างไร โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาจัดกลุ่มรับวัคซีนต่อไป

“หากประเมินแล้วพบว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อเกิดขึ้น บุคคลนั้นก็จะต้องฉีดวัคซีน ถ้าเราแจ้งให้เขาฉีดวัคซีนเขาก็จะต้องฉีด ยกเว้นไม่มีความเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัว หรือแพ้วัคซีน เขาก็ไม่จำเป็นต้องฉีด ซึ่งหากสั่งแล้วเขาไม่ฉีดก็จะมีความคิด เพราะในกฎหมายบอกว่าที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อสามารถสั่งการให้ฉีดวัคซีนเพื่อยับยั้งการติด-แพร่กระจายของเชื้อ เพราะโรคนี้เป็นโรคติดต่ออันตราย” นพ.พิเชษฐ กล่าว

สสจ.บุรีรัมย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดกลุ่มให้บริการ จะลำดับความสำคัญจากประชาชนที่มีความเสี่ยงจะได้รับวัคซีนก่อน ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงหรือสัมผัสโรคน้อยก็จะได้รับวัคซีนทีหลัง ตรงนี้คือประเด็นสำคัญที่จะช่วยควบคุมการระบาดในพื้นที่ให้เร็วและชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาน้อย

อนึ่ง คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.บุรีรัมย์ออกเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ 1. ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ทำการประเมินตนเองตามแบบประเมินความเสี่ยงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดบุรีรัมย์ ต่ออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)หรือผ่านระบบออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 13-31 พ.ค. 2564 เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่จัดกลุ่มการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อฯ

2. ในกรณีที่เจ้าพนักงานพบหรืออาจตรวจพบว่าบุคคลมีความเสี่ยง หรืออาจมีความเสี่ยงที่จะติดโรคติดเชื้อฯ ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้บุคคลดังกล่าว ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนตามวัน เวลา และสถานที่ ที่กำหนด

3. หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามข้อ 1 มีโทษตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามข้อ 2 มีโทษตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ